คดีอาญา คืออะไรในความหมาย

คดีอาญา คืออะไรในความหมาย

การกระทำผิดในทางกฎหมายนั้นมีคดีความหลากหลายแบบมาก ๆ หนึ่งในนั้นคือคดีอาญา แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าคดีแบบนี้แจ้งความได้ ทำให้หลายคนอาจจะปล่อยผ่านและไม่รู้ถึงสิทธิ์ของตนเองที่ควรจะได้รับการปกป้องในทางกฎหมาย คดีอาญาเองก็มีแบ่งออกหลายประเภท รวมถึงบทลงโทษในแต่ละความผิดด้วย จะมีกฎหมายระบุเอาไว้ชัดเจน เราจำกำหนดโทษใครตามใจตัวเองไม่ได้นะ และการจะแจ้งความก็ต้องมีมูลเหตุด้วยเช่นกัน อย่าลืมว่าการแจ้งความเท็จเองก็ผิดกฎหมายเหมือนกัน วันนี้ชวนมาทำความเข้าใจว่าความหมายของคดีอาญานั้นเป็นแบบไหนมีอะไรบ้าง มาติดตามได้พร้อมกันด้านล่างนี้ได้เลย

สารบัญ
    Add a header to begin generating the table of contents

    ความหมายของคดีอาญาคืออะไร

    สำหรับคดีอาญาแล้วก็จะมีทั้งแบบที่ยอมความไม่ได้หรืออาญาแผ่นดิน หรือจะอีกประเภทคือที่ยอมความกันได้ แบบที่เป็นความผิดในแบบส่วนตัว ซึ่งคดีแบบนี้จะเป็นการกระทำผิดโดยมีโทษที่ระบุเอาไว้แล้ว อย่างการทำผิดแล้วกระทบต่อผู้อื่น ต่อสังคม เป็นกฎหมายที่ทำขึ้นเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย มีความมั่นคงในสังคม และย่อมทำให้ไม่เกิดขึ้นอีก อาจจะยังมองไม่เห็นภาพชัดเจนเท่าไหร่ เดี๋ยวจะลงลึกรายละเอียดของประเภทคดีอาญาในข้อถัด ๆ ไป ให้มองออกว่าเป็นคดีประมาณไหนบ้าง ในไทยเราก็กำหนดชัดเจนในกฎหมายว่า จะทำผิดทั้งต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน สิทธิ จิตใจของผู้อื่น ก็จะถูกลงโทษตามกฎหมายแบบขัดไม่ได้นั่นเอง

    ประเภทของคดีอาญามีอะไรบ้าง

    อย่างที่ทราบกันบ้างแล้วว่าคดีอาญานั้นจะมีแยกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน โดยจะเป็นที่เป็นความผิดทางอาญาแผ่นดินกับความผิดต่อส่วนตัว มาดูกันว่าแต่ละประเภทความหมายคืออะไร มีดังนี้

    1. ความผิดที่เป็นคดีอาญาต่อแผ่นดิน สำหรับผู้ที่ได้ทำผิดแบบโดยตรงแล้วกระทบต่อสังคมหรือผู้อื่น ซึ่งเป็นการทำให้สังคมเสียหาย เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องทำการดำเนินคดีนั่นเอง แน่นอนว่ากรณีเป็นอาญาแผ่นดินแบบนี้จะไม่สามารถยอมความกันได้ ต่อให้ไม่ต้องแจ้งความก็ดำเนินคดีได้เลย พร้อมทั้งอัยการก็สั่งฟ้องได้โดยไม่ต้องรอให้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ สำหรับความผิดแบบนี้ ก็จะเป็นกรณี การฆ่าคนตาย ชิงทรัพย์ การปล้นทรัพย์ การประมาททำให้คนอื่นตาย การบุกรุกในยามกลางคืน หรือมีอาวุธติดตัวเพื่อขู่ การฉ้อโกง การลักทรัพย์ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้เลย
    2. ความผิดคดีอาญาแบบผิดต่อส่วนตัว ซึ่งตัวผู้ถูกกระทำนั้นได้รับผิดกระทบโดยตรง แต่ก็ไม่ได้กระทบอะไรต่อสังคมส่วนรวม สำหรับกรณีแบบนี้จะต้องมีผู้เสียหายไปแจ้งความเอง ฟ้องต่อศาลเอง เพราะไม่มีใครทำแทนได้ พอแจ้งความแล้วตำรวจถึงจะเข้าไปดำเนินคดีต่อได้ คดีอาญาแบบผิดส่วนตัวนี้สามารถยอมความกันได้ ถ้ายอมนะ หากยอมก็จะจบคดีตรงนั้นทันที ซึ่งแบบนี้ก็เป็นความผิดประเภท หมิ่นประมาท การทำให้เสียทรัพย์ การโกง การยักยอกทรัพย์ เป็นต้น ใครที่กำลังโดนเหล่านี้อยู่อย่าปล่อยผ่านไปแจ้งความได้นะ เป็นสิทธิ์ที่ทำได้เลยอย่าปล่อยให้ใครมารังแกง่าย ๆ

    ความผิดทางคดีอาญาทำให้เห็นว่าเราไม่ควรทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น จะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม เพื่อมันไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปแน่นอน เพราะการทำโทษก็ไม่ใช่เบาเลย ในอีกมุมหากมีผู้ใดมากระทำต่อเราเองก็ไม่ควรจะเพิกเฉย สามารถเข้าแจ้งความฟ้องร้องต่อศาลได้เลยเช่นกัน ส่วนจะจบคดีลงแบบไหนนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที

    กิจการแบบใด ธุรกิจไหน ควรมีการทำใบส่งของ

    ปัจจุบันนี้คงจะเลี่ยงการซื้อของ การส่งของส่งสินค้าบริการและอื่น ๆ แทบไม่ได้เลย ในแทบทุกธุรกิจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งของ รับของ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะประกอบกิจการเกี่ยวกับอะไร จะจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไหม ความจำเป็นในการใช้ใบส่งของทุกครั้งที่มีการส่งสินค้าถือเป็นสิ่งที่ต้องทำ จะเป็นธุรกิจรับเหมา ร้านขายของชำ ร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจใด ๆ ก็ตาม ถ้าต้องส่งสินค้าอย่าลืมมีใบส่งสินค้ามอบให้กับทางฝั่งลูกค้าเสมอ เพื่อให้มีสำเนาเก็บกลับมาไว้เป็นหลักฐานว่ามีการส่งจริงตามกำหนด

    เวลาที่จะพิมพ์หรือทำใบส่งของนั้น หากไม่อยากจะนั่งทำเองทั้งหมด ปัจจุบันนี้ก็มีหลายโปรแกรมที่สามารถให้ธุรกิจต่าง ๆ เลือกนำไปใช้งาน ด้านการทำเอกสารสำคัญต่าง ๆ ได้แบบง่ายดายและถูกต้อง แบบที่ไม่ต้องพิมพ์เอกทั้งหมดเลย เพียงแค่เลือกว่าจะใช้เมนูอะไร ส่วนไหนบ้าง แล้วระบบจะจัดการให้เองพอทำเสร็จก็พิมพ์ออกมาใช้งานจริงได้ในทันที แต่อย่าลืมทำให้ถูกชนิดและเข้ากับธุรกิจของตนด้วย ว่าจด VAT หรือเปล่า อย่าทำการส่งสินค้า บริการอะไร โดยไร้เอกสารสำคัญชิ้นนี้เด็ดขาด มันส่งผลเสียแน่นอนและยังดูไม่มืออาชีพอีกด้วย

    คดีอาญาไกล่เกลี่ยได้ไหม

    ต้องบอกก่อนว่าสำหรับคดีอาญานั้นแบบไหนที่จะไกล่เกลี่ยได้ก็ว่ากันเป็นกรณีไป สำหรับการไกล่เกลี่ยจะเป็นการระงับข้อพิพาท ซึ่งเป็นทางเลือกที่รวดเร็วและเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่ายที่สุด และการจะไกล่เกลี่ยได้จะต้องมาจากการยินยอมของทุกฝ่ายด้วยนะ แล้วก็จะมีสัญญาที่ให้คู่กรณีปฏิบัติด้วย แต่ว่าไม่ใช่จะทุกคดีที่จะทำแบบนี้ได้นะ ยิ่งถ้าเป็นคดีอาญาแผ่นดินจะทำไม่ได้เลย คดีที่สามารถยอมความได้มีดังนี้

    • แบบยอมความได้ สำหรับกรณีที่จะยอมความได้นั้นจะต้องเป็นคดีอาญาแบบผิดต่อส่วนตัว ตามที่อธิบายไปข้างต้นว่าไม่กระทบต่อส่วนรวม เป็นการกระทบต่อบุคคล อย่างการโกง ซึ่งไกล่เกลี่ยได้นะ และผู้เสียหายสามารถทำสัญญากับทางคู่กรณี จะได้ถอนฟ้องได้ หรือจะยอมความก็ได้ แล้วแต่เราเลย ถ้าหากไม่ยอมก็ไปกันต่อ
    • เป็นผิดแบบลหุโทษ มีกำหนดตามข้อกฎหมายเลย ซึ่งก็เป็นไปตามมาตรา 290 ถึง 295 กับ 297 ด้วย มาลองดูกันแต่ละข้อกำหนดโทษกันว่าคืออะไร อย่างมาตรา 290 เป็นจะเป็นความผิดโดยประมาท ที่ก่อเหตุให้ผู้อื่นแก่ความอันตรายหรือกระทบต่อจิตใจด้วย มาตรา 291 เป็นความผิดแบบทำร้ายผู้อื่นที่ก่อให้เกิดอันตายทั้งกายและใจ มาตรา 292 เป็นความผิดที่ทำให้ผู้อื่นกลัว ตกใจ ขู่ มาตรา 293 เป็นการดูหมิ่นทำให้ผู้อื่นเสียหน้า จะด้วยการโฆษณาก็ตาม มาตรา 294 ทำการไล่ต้อน สัตว์เข้าในสวน ไร่ นา ของผู้อื่น ที่มีการเพาะพันธุ์พืชผลผลิตเอาไว้ และมาตรา 297 ทำผิดฐานควบคุมสัตว์ใด ๆ ต่อผู้อื่น จะคุกคาม รังแก ข่มเหง ทำให้อาย เดือดร้อน และ รำคาญ ทั้งหมดนี้เป็นคดีอาญาที่เป็นความผิดแบบลหุโทษ
    • ความผิดที่อัตราต้องโทษจำคุกสูงไม่เกิน 3 ปี

    โทษของคดีอาญาไม่ใช่แค่การปรับเท่านั้น การจำคุกก็มีเหมือนกันและเชื่อว่าคงไม่มีใครชอบเป็นแน่เสียเวลาชีวิตมาก ๆ หากต้องไปติดในนั้น แต่ก็มีนะคดีที่จะต้องจำคุกซึ่งถูกกำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ปี 2567 ในมาตรา 294 วรรค 1 มาตรา 295,296,299และ 300 สำหรับใครที่จะหาทนายมาไกล่เกลี่ยได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับการไกล่เกลี่ยจากคดีไหนมาก่อนด้วยนะ เว้นแต่เป็นคดีที่ทำโดยประมาท และต้องไม่ต้องคดีไหนอยู่ด้วย และผู้ต้องหานั้นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี

    เมื่อเทียบกับหลายคดีจะเรียกว่าโทษไม่ค่อยหนักก็อาจจะถูก แต่แน่นอนว่าการต้องคดีติดตัวนั้นไม่สนุกแน่นอน ทำให้ประวัติเสียอย่างมากต่อให้เป็นคดีอาญาก็ตาม สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลอยู่ว่าจะสามารถแจ้งความได้ไหมในกรณีที่กำลังเผชิญอยู่ลองดูข้อมูลของคดีเหล่านี้ได้เลย หากกำลังโดนเอาเปรียบ โดนทำท้าย ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ล้วนแจ้งความได้เหมือนกัน

    การไกล่เกลี่ยคดีอาญาต้องทำอย่างไร

    เป็นขั้นตอนในการไกล่เกลี่ยในชั้นศาลอาญา มีขั้นตอนอยู่ไม่ใช่ว่าจะสามารถข้ามขั้นไหนไปได้เลย มาดูกันว่าจะมีลำดับในการไกล่เกลี่ยแบบไหนบ้าง อย่างแรกเลยทางพนักงานสอบสวนจะแจ้งกับคู่กรณีให้ทราบถึงสิทธิ์ในการยื่นคำร้องไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หากทั้ง 2 ฝ่ายสมัครใจจะไกล่เกลี่ย ก็ให้ยื่นคำร้องกับพนักงานสอบสวน หากคำร้องไม่ถูก ไม่ผ่าน ก็จะต้องแก้แล้วยื่นใหม่ใน 15 วัน หากไม่แจ้งก็ไม่ประสงค์จะยื่นคำร้องทั้งคู่ ต่อไปเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเพื่อเลือกผู้ไกล่เกลี่ยภายใน 7 วัน นับแต่ว่าออกคำพิพาท

    จากนั้นจะมีการนัดวันไกล่เกลี่ยคดีอาญา นับแต่วันตั้งแต่หากมีเหตุให้ดำเนินการต่อได้ สามารถขอขยายระยะเวลาได้อีก 7 วัน และตอนที่เข้าร่วมการไกล่เกลี่ยนั้นก็สามารถให้คนที่ไว้ใจเข้าร่วมได้อีก 2 คน และการไกล่เกลี่ยจะทำการโดยเป็นความลับไม่เปิดเผยต่อสาธารณะใด ๆ และต้องทำการไกล่เกลี่ยให้เสร็จใน 30 วัน หากตกลงไกล่เกลี่ยไม่ได้ ก็จะดำเนินต่อไปอีก 30 วัน ซึ่งวิธีนี้ทั้งคู่สามารถเจรจากันได้แบบอิสระเลยว่าจะตกลงกันแบบไหน ถ้าหากตกลงได้แล้วก็จะมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ ลงลายเซ็นทั้งคู่ เพื่อส่งไปยังพนักงานสอบสวน นี่อาจจะเรียกว่าเป็นข้อดีของคดีอาญาก็อาจจะได้อยู่ หากตกลงกันได้มันก็ยุติง่าย ๆ แบบนั้นเลย แต่ถ้าไม่ได้ก็ไปต่อในชั้นศาล

    บทสรุป

    คดีอาญานั้นมีหลายแบบที่ตรงกับคดีนี้ และมี 2 ประเภทคือแบบที่เป็นความผิดต่อแผ่นดินและอีกแบบจะเป็นความผิดต่อตัวบุคคล ในทั้งสองกรณีนี้จะมีแบบที่เป็นความผิดแบบต่อตัวบุคคลเท่านั้นที่จะสามารถยื่นคำร้องของไกล่เกลี่ยได้ แต่สำหรับกรณีที่จะเป็นความผิดต่อแผ่นดินนั้นจะทำไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่กระทบต่อทั้งกาย ใจ การทำให้อับอาย ฉ้อโกง ล้วนเข้าข่ายคดีอาญาทั้งนั้น ใครที่กำลังเจอปัญหาเข้าข่ายแบบนี้อยู่รีบแจ้งความกันเลย การยอมโดนเอาเปรียบไม่ใช่หนทางที่ดีแน่นอน📌Station Accout – เรารับจดทะเบียนบริษัทดีที่สุด™

    สำนักงานบัญชีคุณภาพ