กฎหมายมรดก เราให้ความรู้แบบเจาะลึก

กฎหมายมรดก เราให้ความรู้แบบเจาะลึก

เป็นสิ่งที่ทำให้ปวดหัวเหมือนกันกรณีที่ใครมีมรดกเยอะแล้วไม่จัดสรรให้เรียบร้อยก่อนจากไป แน่นอนว่ามันมีกฎหมายระบุเอาไว้อยู่ว่าใครจะสามารถรับมรดกไว้บ้างตามกฎหมายมรดก ซึ่งจะมีแบบทางยาทพินัยกรรม กับทายาทโดยธรรมที่มีผลตามกฎหมาย สำหรับทายาทโดยธรรมนั้นจะมีสิทธิรับมรดกของผู้ที่จากไปโดยตรง เมื่อทางผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์เอาไว้ หรือจำหน่ายแต่ก็ไม่หมด ใครที่เป็นทายาทโดยตรงก็จะได้รับแน่นอน บทความนี้ชวนมาลงลึกในแต่ละความหมายของผู้มีสิทธิ์รับมรดก

สารบัญ
    Add a header to begin generating the table of contents

    ทายาทที่มีสิทธิ์รับมรดกตามกฎหมายมรดกมีแบบไหนบ้าง

    ทายาทหรือผู้ที่มีสิทธิ์ในการรับมรดกจะมี 2 แบบด้วยกันคือ ทายาทโดยตรง หรือ ทายาทโดยพินัยกรรม ซึ่งจะมีการระบุไว้ตามกฎหมายมรดกชัดเจนว่าแต่ละแบบนั้นหมายถึงอะไร เมื่อถึงเวลาที่ใช้สิทธิ์ของตัวเองจะได้รู้หลักในทางกฎหมาย มาดูความหมายแบบเจาะลึกกันเลย

    • ทายาทโดยตรงในทางกฎหมายมรดก คือ คุณที่มีสิทธิ์ที่จะรับกองมรดกของเจ้าของมรดก แต่ก็จะต้องเข้าเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดด้วยมีดังนี้ จะต้องเป็นคนที่อยู่ในเวลาที่เจ้ามรดกเสียชีวิต การรับมรดกมันเป็นสิทธิ์ทายาทเลยต้องมีสิทธิตามกฎหมายด้วย ย้ำว่าจะต้องมีสภาพบุคคลในขณะที่เจ้าของมรดกเสียชีวิต และแน่นอนว่าทายาทที่ไม่เข้าเกณฑ์ก็มี ตามนี้อย่างการที่ตายก่อนเจ้ามรดก ไม่ว่าจะเป็นการตายแบบไหนก็ตาม รวมถึงการสาบสูญด้วย

    รวมถึงการตายพร้อมกับเจ้าของทรัพย์ด้วยก็ไม่ได้รับมรดกเหมือนกัน ยังรวมถึงการเป็นบุคคลที่มีสภาพบุคคลหลังจากที่เจ้าทรัพย์เสียไปแล้ว สำหรับข้อยกเว้นก็มีอยู่ 2 แบบ ตาม ค.1 ตาม ป.พ.พ.ม.1604 ว.2 ก็คือเด็กที่เกิดมารอดอยู่ใน 30 วัน นับแต่เวลาที่เจ้าทรัพย์เสียไป รวมถึงทารกในครรภ์มารดาที่อยู่ในเวลาที่เจ้าทรัพย์เสีย

    ตามกฎหมายมรดกยังมีอีกข้อยกเว้น ค.2 ตาม ป.พ.พ.ม.1678 มูลนิธิใดที่ก่อตั้งขึ้นโดยพินัยกรรมเป็นนิติบุคคลแล้ว ก็ถือว่าทรัพย์นั้นผู้ทำพินัยกรรมจัดสรรไว้ ก็จะเป็นของนิติบุคคลตั้งแต่เวลาที่พินัยกรรมมีผลด้วย แล้วต่อไปก็จะเป็นบุคคลที่มีฐานะเป็นทายาทอีกประเภทหนึ่งตามกฎหมาย หากเป็นทายาทโดยธรรมตามกฎหมาย มาตรา 1629 และทายาทโดยพินัยกรรมตามเจตนาของเจ้าทรัพย์ ก็ย่อมมีสิทธิ์ในการรับมรดก

    • ทายาทในทางพินัยกรรมทางกฎหมายมรดก สำหรับข้อนี้ก็เป็นการแสดงเจตนาเพื่อระบุเอาไว้ชัดเจนแล้วว่าจะให้ใคร ซึ่งพินัยกรรมนั้นจะมีผลบังคับทันทีเมื่อเจ้าทรัพย์เสียไป แต่ถ้าหากเป็นภาษาพูดก็จะนับเมื่อเจ้าทรัพย์ได้สั่งเสียเอาไว้ และพินัยกรรมเองก็ไม่ได้มีแบบเดียวด้วย และสำหรับเขียนจะเขียนมันขึ้นมาก็ต้องทำตอนมีสติครบถ้วนและไม่มีใครมาบังคับด้วยนะ หลัก ๆ แล้วก็จะมีอยู่ทั้งหมด 5 แบบด้วยกัน และทุกคนสามารถเขียนพินัยกรรมของตนเองไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย เป็นหนึ่งในการวางแผนชีวิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน

    เรื่องกฎหมายมรดกนั้นทุกคนจะต้องรู้ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองและเพื่อจะได้จัดการกับทรัพย์สินกองมรดกที่มีไว้ด้วย การทิ้งไว้ให้คนข้างหลังจัดการกันเองบางทีปัญหาก็อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ หากมีทายาทโดยตรงอยู่แล้วก็อาจไม่ยากเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไม่มีหรือมีทายาทเยอะก็ควรจะต้องเขียนพินัยกรรมแบ่งเอาไว้ให้เรียบร้อยเพื่อลดปัญหาต่าง ๆ และจัดการทรัพย์ได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว

    พินัยกรรมมีอะไรบ้าง

    คำว่าพินัยกรรมนั้นคนเรามักจะมองเป็นเรื่องไกลตัวหรือไม่ก็อาจจะมีได้ยินบ่อย ๆ ในละครต่าง ๆ ซึ่งพินัยกรรมนี้เองมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายมรดกได้ เป็นคำสั่งเสียของเจ้าทรัพย์ที่จะต้องทำตาม แน่นอนว่าจะใช้ได้ก็ต้องเป็นพินัยกรรมของจริงด้วย ซึ่งตามกฎหมายแล้วรูปแบบของพินัยกรรมเอาไว้มี 4 ประเภทด้วยกันมีดังนี้

    1. พินัยกรรมธรรมดา สำหรับแบบแรกนี้จะเป็นการทำหนังสือซึ่งจะต้องมีระบุวัน เดือน ปี ที่ได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้อย่างชัดเจน พร้อมกับทั้งลงลายมือชื่อให้เรียบร้อย และจะต้องมีพยานในการเขียนพินัยกรรมด้วย 2 คน แปลว่าการจะเขียนพินัยกรรมธรรมดานั้น ต้องทำต่อหน้าพยาน ซึ่งจะเขียนเอาหรือจะพิมพ์ก็ย่อมได้
    2. พินัยกรรมแบบที่เขียนขึ้นมาเองหมดทั้งฉบับเลย ก็สามารถใช้ได้ตามกฎหมายมรดกเช่นกัน ซึ่งประเภทนี้ผู้ที่เป็นเจ้าทรัพย์จะต้องลงมือเขียนเองทุกอย่างเลย วันไหน เดือนอะไร ปีไหน คำสั่งเสียว่าอะไรก็ต้องเขียนแล้วลงลายมือ และการทำพินัยกรรมประเภทนี้ไม่ต้องมีพยานก็ได้ หรือจะมีก็ได้ แต่ถ้ามีก็จะดีเหมือนกัน และถ้าเขียนแล้วเอาไปพิมพ์ใหม่ก็นับเป็นพินัยกรรมแบบธรรมดา ก็ต้องมีพยาน 2 คนทันที ฉะนั้นเขียนแล้วจบ ไม่ต้องเอาไปพิมพ์ต่อใด ๆ ทั้งสิ้น
    3. พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ออกจะเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูเหมือนกัน และสำหรับแบบนี้จะต้องมีการติดต่อกับทางนายอำเภอให้ทำพินัยกรรมให้ ซึ่งทางนายอำเภอจะมีการจดแจ้งข้อความที่ต้องการลงในพินัยกรรม พร้อมทั้งลงลายเซ็นต่อหน้าพยานสองคน ส่วนสถานที่ในการจัดทำนั้นเป็นที่ว่าการอำเภอ
    4. พินัยกรรมลับ ประเภทนี้จะต้องทำแล้วมีการปิดผนึกให้เรียบร้อย แล้วลงลายมือชื่อให้เรียบร้อยด้วย จากนั้นเอาไปแสดงต่อนายอำเภอแล้วก็ต้องมีพยานไปด้วย 2 คน ทางนายอำเภอจะจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมเอาไว้ วันไหน เดือนอะไร ปีไหนบนซองนั้น ๆ พร้อมตราประทับตำแหน่งและเซ็นด้วย ทั้งเจ้าทรัพย์และพยาน 2 คน ถึงจะมีผลตามกฎหมายมรดก หากขาดขั้นตอนไหนไปก็จะใช้ไม่ได้ผล

    ฉะนั้นแล้วหากใครอยากจะทำพินัยกรรมเพื่อจัดการกับทรัพย์สินของตนเองก็เลือกวิธีในการเขียนพินัยกรรมได้เลย พร้อมทั้งศึกษาขั้นตอนการเขียนแต่ละแบบให้ดี เพื่อจะได้ใช้ในทางกฎหมายมรดกอย่างแน่นอน และยังมีข้อควรระวังด้วย ฉะนั้นการศึกษาให้ดีเสมอจึงเป็นเรื่องจำเป็น สิ่งที่จะข้ามไม่ได้เลยคือพินัยกรรมไหนที่จำเป็นต้องมีพยาน 2 คนนั้น พยายามต้องเห็นด้วยตลอดทั้ง 2 คน และพยานจะมีผลก็ต้องไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องกับผู้ทำพินัยกรรม

    บุคคลใดที่สามารถทำพินัยกรรมได้บ้าง

    ปกติแล้วคนที่เป็นเจ้าของทรัพย์ก็สามารถทำพินัยกรรมของตนเองขึ้นมาได้หมด และถ้าทำอย่างถูกต้องก็จะมีผลใช้ได้ในทางกฎหมายมรดก แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่หากใครไม่เข้าเกณฑ์พินัยกรรมนั้นก็เป็นโมฆะเลย นั่นคือคนที่อายุยังไม่ครบ 15 ปีบริบูรณ์ หรือคนที่มีคำสั่งศาลว่าเป็นบุคคลไร้ความสามารถ หากเป็นตามที่กำหนดมา 2 อย่างนี้จะทำพินัยกรรมไม่ได้ หากคุณอายุยังไม่ถึงก็ให้อดใจรอเอาไว้ก่อน พออายุครบเมื่อไหร่ค่อยลงมือเขียนก็ได้

    บนพินัยกรรมนั้นเขียนอะไรลงไปได้บ้าง

    ในการทำพินัยกรรมเพื่อให้มีผลไปตามกฎหมายมรดกกำหนดเอาไว้ ผู้ที่เขียนจะเขียนอะไรลงไปในนั้นได้บ้าง ในเอกสารนั้นจะเป็นการแสดงเจตจำนงของตนเองหรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นคำสั่งเสียนั่นเอง และสามารถเขียนทุกอย่างลงไปได้หมด จะเรื่องการจัดการทรัพย์ การจัดการศพ การตั้งผู้ปกครองทรัพย์แก่ผู้เยาว์ รวมถึงการไม่ให้ทายาทคนใดที่รับมรดกก็กำหนดได้เช่นกัน และยังตั้งผู้จัดการมรดกได้อีกด้วย ฉะนั้นแล้วเมื่อตอนที่ยังสติครบถ้วน ยังสามารถเขียนได้ปกติ การวางแผนทำพินัยกรรมเอาไว้ก็ไม่เสียหาย และสามารถเขียนใหม่ได้ตลอดอีกด้วย

    บทสรุป

    เป็นอย่างไรบ้างสำหรับการทำพินัยกรรม เรื่องของกฎหมายมรดก เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไปเพราะอาจจะคิดว่าชีวิตนั้นอีกยาวไกล แต่ในความเป็นจริงเราแทบไม่รู้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้ได้อีกกี่วันกัน การวางแผนไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่มันเป็นหนึ่งในความรอบคอบด้วย หากคุณเป็นผู้ที่มีกองทรัพย์ที่จะต้องจัดการ สามารถเขียนพินัยกรรมเอาไว้ได้เลย และยังสามารถทยอยเขียนก็ได้ จะเขียนทั้งหมด หรือเลือกเขียนอันไหนยกให้ใครก็ย่อมได้หมดเลย ใครบ้างที่ควรได้รับมรดก แล้วใครบ้างที่ไม่อยากยกให้ หากเลือกพินัยกรรมธรรมดาอย่าลืมหาพยานที่ไว้วางใจได้ 2 คนอยู่ด้วยตอนทำเสมอพร้อมให้ลงลายมือชื่อให้เรียบร้อย และแบบอื่น ๆ ก็ควรทำให้ถูกต้องตามหลักหากเกิดอะไรขึ้นกับเราอย่างน้อยก็ไม่ต้องมีอะไรให้ห่วงในข้างหลัง แต่แน่นอนว่าการไม่ทำไว้ก็ไม่ได้ผิดอะไรเหมือนกัน📌Station Accout – เรารับจดทะเบียนบริษัทดีที่สุด™

    สำนักงานบัญชีคุณภาพ