ค่าใช้จ่ายทางภาษีและบัญชี สำคัญที่สุด

ค่าใช้จ่ายทางภาษีและบัญชี สำคัญที่สุด

ความน่าปวดหัวอีกอย่างหนึ่งของเจ้าของกิจการคือเรื่องของบัญชีและภาษีเพราะบางทีมันก็วุ่นวายมาก โดยเฉพาะเรื่องของค่าใช้จ่าย บางอย่างมันจะเอามาเรียกและนับรวมกันไม่ได้เลย และทราบไหมว่าค่าใช้จ่ายทางภาษีและบัญชีมันแยกกันนะ จริง ๆ ใครทำธุรกิจหากเป็นไปได้การจ้างนักบัญชีเก่ง ๆ มาทำเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยก็ตัดความน่าปวดหัวออกไปได้เหมือนกัน แต่ว่าเจ้าของกิจการเองก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจและรู้เรื่องด้วย มันเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อย่าได้ไว้ใจใครเต็มร้อยขนาดนั้น เพราะบริษัทคุณอาจจะเสี่ยงไปไม่รอดเพราะถูกพนักงานตัวเองยักยอกมันก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ เอาล่ะ วันนี้ชวนมาทำความเข้าใจเรื่องของค่าใช้จ่ายส่วนนี้กันว่ามันสำคัญอย่างไร

สารบัญ
    Add a header to begin generating the table of contents

    ค่าใช้จ่ายในทางธุรกิจหมายถึงอะไร

    สงสัยไหมเวลาเราจ่ายค่าอะไรต่าง ๆ ของบริษัทเราได้ใบเสร็จมาครบหมด ในทางบัญชีนั้นแน่นอนว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีแต่ว่าทางภาษีมันไม่ใช่นะ จะเอาไปลดภาษีไม่ได้เลย อันนี้ไม่นับ มันคนละส่วนกัน เรามาเข้ากันก่อนว่าในทางธุรกิจแล้วความหมายของ “ค่าใช้จ่าย” คืออะไร เป็นเงินที่เราใช้ในการจ่าย ซื้อ สินค้า บริการ ต่าง ๆ ในกิจการ ซื้อในนามบริษัทนั่นเอง เราจะต้องบันทึกทุกครั้งที่ทำการซื้ออะไรเข้ามา เพราะจะต้องมีการนำไปคำนวณกำไรสุทธิด้วยตามสูตร (กำไรสุทธิ = รายได้ – ค่าใช้จ่าย ) หลายคนมักพลาด มองว่าทุกการใช้จ่ายของกิจการนำไปหักรายได้แล้วคำนวนกำไรสุทธิเพื่อการหักภาษีได้เลย มันไม่ใช่นะ

    ทำความเข้าใจค่าใช้จ่ายทางภาษีและบัญชีสำคัญที่สุดอย่างไร

    เพื่อให้มองภาพออกได้ง่ายขึ้นเราจะอธิบายแยกเป็นข้อ ๆ เลย ระหว่างค่าใช้จ่ายทางบัญชี กับ ค่าใช้จ่ายทางภาษี มันมีวิธีในการคิดอยู่ มาดูกันว่าแต่ละอย่างนั้นคืออะไร

    • ค่าใช้จ่ายทางบัญชีคืออะไร?

    ในข้อแรกนี้จะพูดถึงในทางบัญชี จะเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท ที่มีการจ่ายค่าสินค่า ค่าบริการ ค่าการจ่ายซื้อสิ่งต่าง ๆ ที่ทางบริษัทได้จ่ายอย่างถูกต้อง อย่างการซื้อมาเพื่อการขาย ก็จะนับว่าเป็นต้นทุนการขาย หรือจะเป็นการจ่ายค่าการทำบัญชี ส่วนนี้ก็จะคิดเป็นค่าดำเนินงาน ซึ่งก็เรียกว่าเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีนั่นเอง

    • ค่าใช้จ่ายทางภาษีคืออะไร

    จริง ๆ ก็แยกแทบไม่ออกนักแต่ก็ต้องแยกให้ออกนะ เป็นการจ่ายเงินแบบถูกต้องและมีหลักฐาน และกฎหมายให้นำมาหักค่าใช้จ่ายได้ ในการคำนวณกำไรสิทธิเพื่อเสียภาษี ก็คือเป็นค่าใช้จ่ายที่บริษัทจ่ายไม่เข้าลักษณะค่าใช้จ่ายต้องห้าม ยิ่งงงไปกันใหญ่ไหม อธิบายเพิ่มกันหน่อย ตรงค่าใช้จ่ายต้องห้ามก็คือ เป็นการดำเนินงานของบริษัท บันทึกบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายในปีปัจจุบันแล้ว และห้ามเอามาคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี 

    มันก็แทบจะเหมือนกับทางบัญชีเลยแต่ว่าจะต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินถูกต้องและถ้ามันจะเอาไปหักภาษีได้คือจะต้องเป็นการซื้อ การจ่ายไปกับอะไรก็ตามที่กฎหมายอนุญาต เอาให้ง่ายกว่านี้ หากค่าใช้จ่ายตัวไหนมันเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีไปแล้ว จะเป็นทางภาษีอีก ไม่ได้ นั่นเอง

    เพื่อไม่ให้สับสนไปกว่าลอง ลองไปอ่านเรื่องของค่าใช้จ่ายต้องห้ามกันก่อน ซึ่งก็จะมีกำหนดไว้ทางกรมสรรพากรกำหนดเอาไว้เลยว่ามีอะไรบ้าง เผื่อใครกำลังสงสัยอยู่ จะได้รู้ว่าหากจ่ายไปกับตรงนี้จะเรียกว่าอะไร เป็นทางภาษี ทางบัญชี หรือว่าเป็นแบบต้องห้าม

    ค่าใช่จ่ายต้องห้ามคืออะไร

    อย่าเพิ่งรีบงงกันแล้วปิดไปก่อน มาทำความเข้าใจกันอีกนิด ค่าใช้จ่ายทางภาษี บัญชี ยังไม่จบ ยังมีแบบเป็นที่ต้องห้ามกันด้วยนะ มีทั้งหมด 8 ประเภทมีอะไรบ้างดังนี้เลย

    1. อะไรก็ตามที่เป็นการจ่ายแบบส่วนตัวของผู้บริหาร เจ้าของกิจการ ไม่นับเลย จะไม่รวมเป็นของบริษัทเด็ดขาด เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่ากิน ค่างานบุญ ค่าภาษีสังคมต่าง ๆ ก็มันของส่วนตัว เงินส่วนตัวจะมารวมในกิจการไม่ได้ รวมถึงการจ้างงานนอกระบบด้วยนะ แต่ถ้าหากต้องการให้เป็นค่าใช้จ่ายในองค์กรก็ต้องใช้เงินในองค์กรและมีระเบียบกำหนดไว้ชัดเจนเลยว่าเป็นสวัสดิการ
    2. การจ่ายเงินเพื่อการรับรองลูกค้า ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้ามด้วยไม่ถูกนับรวมในทางภาษีใด ๆ นะ ซึ่งถ้าจะเอาเป็นของบริษัท กฎหมายก็กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกิน 2000 บาท/คน และไม่เกิน 3% ของรายได้องค์กรนั้น ๆ ด้วย
    3. ค่าใช้จ่ายที่ไม่มีผู้รับ ส่วนนี้เป็นการจ่ายไปเฉย ๆ จ่ายแล้วจบเลยไม่ได้อะไรกลับมาเป็นหลักฐาน เช่น ไม่มีใบเสร็จ ไม่มีเอกสารอะไรเลย เหมือนการซื้อของในตลาดทั่วไป การซื้อกินตัวเอง ซื้อแล้วจ่ายเงินจบเลย แบบนี้ก็เอามาคิดในทางภาษีบัญชีอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
    4. การจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม แม้ว่าจะเกี่ยวกับการจ่ายภาษีมันเป็นหน้าที่ของทุกองค์กรที่จะต้องจ่าย แต่ว่า มันจะเอามานับรวมในการคิดเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีไม่ได้ มันคือค่าใช้จ่ายต้องห้าม
    5. การจ่ายให้กับบริษัทลูกหรือบริษัทแม่ เวลาที่ซื้อสินค้าอะไรให้กันนั้นในทางกฎหมายประเทศเรามักจะนับว่าเป็นบริษัทเดียวกัน มันเลยเอามาคิดเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีไม่ได้นั่นเอง
    6. การจ่ายค่าอสังหาริมทรัพย์ลดลง ถ้าเป็นทางบัญชีปกติก็จะมีประเมินอยู่แล้วถึงมูลค่าของทรัพย์สิน และจะคิดเป็นการจ่ายในงบการเงิน แต่ว่าทางภาษีเอามาคิดไม่ได้นะ เพราะว่ามันบอกราคาแท้จริงไม่ได้นั่นเอง
    7. การจ่ายให้กับทรัพยากรธรรมชาติที่เสียไป ด้านบัญชีมันคิดได้ปกติว่าจ่ายไปเท่าไหร่ แต่ทางภาษีไม่ได้เพราะมันประเมินมูลค่าชัดเจนไม่ได้ ความเสียหายที่มีมันประเมินไม่ได้ เลยเอามาคิดไม่ได้
    8. การจ่ายให้กับอะไรที่เป็นค่าปรับก็เป็นค่าใช้จ่ายต้องห้ามเหมือนกัน จะเป็นการจ่ายมากหรือน้อยก็นับว่าเสียไป ทางบัญชีคิดเป็นรายจ่ายได้ ทางภาษีทำไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับธุรกิจเลย และทางสรรพากรเองก็มองว่าหากบริษัทเคร่งกว่านี้คงไม่ทำผิดจนเกิดการเสียค่าปรับขึ้น

    เรื่องของค่าใช้จ่ายทางภาษีและบัญชี มันสำคัญมาก ๆ และยังคงชวนสับสนไม่น้อยเลย จะต้องดูให้ดีและละเอียดสุด ๆ การจ่ายบางอย่างถูกคิดได้แค่ในทางบัญชีเท่านั้น และบางค่าก็เอามาคิดทางไหนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สำหรับใครที่ทำธุรกิจจะต้องหาความรู้ในด้านนี้เยอะ ๆ เลย เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนกิจการให้รอดเพราะถ้าไม่ได้เรื่องนี้เลย การดูเรื่องการเงินบริษัทไม่ได้ก็มันไปรอดได้ยากเหมือนกันนะ

    ยกตัวอย่างการคำนวณกำไรสุทธิทางภาษี

    บริษัทของ นาย ข.ไข่ ในปี 2567 มีรายได้ 2 ล้านบาท รายจ่าย 1 ล้าน 9 แสน บาท กำไรสิทธิทางบัญชี 1 แสนบาท และมีทุนจดทะเบียนที่จ่ายแล้ว 1 ล้านบาท รายจ่ายต้องห้ามที่เป็นค่าใช้จ่ายบวกกลับทางภาษีรวม 1 หมื่นบาท มีเป็น ค่าน้ำมันเจ้าของกิจการ 3000 บาท ค่ารับรองส่วนที่เกินจากเกณฑ์กำหนด 4000 บาท ค่ารับรองที่จ่ายจริง 1 หมื่นบาท ค่ารับรองที่จ่ายทางภาษีได้ = 0.3 ของรายได้ ก็จะเป็น 0.3% x 2000000 = 6000 บ. ฉะนั้นค่าใช้จ่ายบวกกลับ =  1000 – 6000 เหลือ 4000 บ. ค่าเบี้ยปรับทางภาษี 2 พัน บิลเงินสดค่าซ่อมแซมไม่มีผู้รับเงิน 1 พัน การคำนวณกำไรสุทธิทางภาษี ตามสูตรแบบง่าย จำง่ายสุดก็จะเป็นแบบนี้

    (กำไรสุทธิทางภาษี = กำไรสุทธิทางบัญชี + ค่าใช้จ่ายบวกกลับทางภาษี)

    ออกมาเป็น = 100,000 + 10,000 บ.

    = 110,000 บ.

    สำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการ เป็นบัญชี หากจะต้องคิดวิธีในการลดภาษี จะต้องลดค่าใช้จ่ายต้องห้ามให้ได้ และวางแผนภาษีของบริษัทให้ดี แต่ละปีนั้นจ่ายเท่าไหร่ รายได้เท่าไหร่ ไม่ใช่ไปหมดกับค่าภาษีจนไม่เหลืออะไรเลย ทำอะไรก็ควรมีการวางแผน และเวลาจะทำการซื้ออะไร จ่ายอะไรออกไปควรเก็บใบเสร็จ มีการบันทึกทุกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเวลาทำบัญชี เพราะงบการเงิน การบัญชีจะต้องถูกเสมอปัญหาจะได้ไม่ตามมาภายหลัง

    บทสรุป

    ในทุกกิจการจะต้องมีการทำบัญชีและมีการลงค่าใช้จ่ายทางภาษีและบัญชี แต่ละต้องลงให้ถูกเสมอ และจะต้องดูให้เป็น เพราะไม่ใช่ทุกการใช้จ่ายจะลงเป็นทางภาษีได้ บางรายการจะเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีได้อย่างเดียวแต่ทางภาษีไม่ได้ ฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายอะไรก็ตาม กับใครเป็นคนใช้จ่ายก็ตามจะต้องมีการวางแผนให้ดี งบบริษัทจะบริหารจัดการอย่างไร เพื่อให้บริษัทยังคงไปต่อได้ มีกำไร เห็นทุน และสามารถลดภาษีได้ตามความเหมาะสม การจ้างพนักงานบัญชีอย่างเดียวไม่ใช้ทางออกแต่การจ้างพนักงานบัญชีที่เก่งและดีคือทางออกแต่เจ้าของกิจการเองก็ต้องรู้เรื่องบัญชีและภาษีด้วยเช่นกัน จะได้ไม่ต้องมีใครมาเอาเปรียบได้ ส่งผลให้การบริหารกิจการเติบโตไปได้ดีต่อไป📌Station Accout – เรารับทำบัญชีมาตรฐานสูงสุด™

    สำนักงานบัญชีคุณภาพ